ความรักคืออะไร


ความหมายและองค์ประกอบของความรัก 


ความหมายของความรัก
              ความรักคืออะไร นั้นรู้สึกว่าจะหาคำตอบได้ไม่ง่ายนัก เท่าที่เราทราบกันดีก็คือ ทุกคนเคยรัก และถูกรักมาทั้งนั้น ชีวิตของมนุษย์จึงมีบทบาทอยู่กับความรักตั้งแต่เกิดจนตาย เด็กที่เกิดใหม่ ๆ ยังรักใครไม่เป็น แต่เขาก็ถูกความรักเข้าช่วยเหลือ โดยการถูกรักจากพ่อแม่และญาติพี่น้องจึงทำให้อยู่รอดเติบโตขึ้นมาได้ เหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า “ความรักนี้แหละที่ทำให้โลกหมุนอยู่ได้” 
              ตามหลักจิตวิทยา ความรักคืออารมณ์อย่างหนึ่ง อันหมายถึงความรู้สึกของคนเราที่มีอำนาจแรงพอทำให้คนแสดงจริตกริยาออกมา เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้เห็น ดังนั้นเมื่อคนเราเกิดมีความรักขึ้นแล้วก็จะแสดงจริตกริยาออกมา เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายให้เห็นดังนั้นเมื่อคนเราเกิดมีความรักขึ้นแล้วก็แสดงอาการรักออกมา อันยากแก่การปกปิดซ่อนเร้น ซึ่งเราคงทราบกันดี และเคยประสบกับตัวของเราเองกันมาแล้ว เช่น ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก จะเห็นว่าพ่อแม่แสดงอาการว่ารักลูกมากมาย ในการเลี้ยงดูเอาใจใส่ และเสียสละหรือความรักหนุ่มสาวก็เป็นกรณีที่เราเห็นอยู่เป็นประจำวันในสังคม ลงเขาได้รักกันเกิดความรักขึ้นมา ต่อให้มีอุปสรรคกีดขวางอย่างไรก็จะพยายามดิ้นรนไปสู่ความปรารถนาของอารมณ์รักจนได้ 
              กล่าวตามธรรมดาแล้ว ความรัก หรือ รัก นี้ จัดเป็นอารมณ์ประเภทสุข เพราะเมื่อใครเกิดอารมณ์รักแล้ว เขาจะมีใจเบิกบานร่าเริงแจ่มใส เป็นความรู้สึกสุขใจที่ดี ฉะนั้นทุกคนจึงต่างแสวงหาที่จะรักคนอื่น และในขณะเดียวกันก็มีความต้องการให้ตนเองเป็นที่รักของคนอื่นด้วยหน้าที่ ของครูในโรงเรียนนั้นเมื่อวกเข้ามาในเรื่องรักแล้ว ครูจะต้องพยายามทำตัวให้เป็นที่รักของเด็ก และคณะเดียวกันครูก็จะต้องรักเด็กทุก ๆ คนที่ครูสอน การสั่งสอนอบรมกันด้วยมีความรักเป็นทุนหนุนหลังอย่างนี้ จะช่วยให้การศึกษาสำเร็จด้วยดี 
              อธิบายได้ว่า ทุกคนจะรักในสิ่งที่ดี อะไรดีจะเป็นที่รักของคนทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนจึงอยากได้ของที่ดี ๆ มีของใช้ดี ๆ มีลูกดี ๆ มีของกินดี ๆ สิ่งที่เน่า ๆ เหม็น ๆ ทุกคนจึงไม่รัก ข้อที่ ๒ คือ เราจะรักในสิ่งที่งาม คำว่างามก็คือ สวย นี่เอง ฉะนั้นของที่งาม ๆ สวย ๆ จึงเป็นที่สบอารมณ์รักของเราเสมอ เช่น รักของใช้ที่สวยงาม มีลวดลายงดงาม รักในศิลปอ่อนช้อยรักในสิ่งประดิษฐ์มีสีสรร สรุปว่า อะไรที่สวยแล้วจะเป็นที่รักทั้งสิ้น ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า เรารักเพราะถูกใจ นั้น จัดเป็นความรักส่วนตัวเฉพาะคน เมื่อมีความถูกใจแล้วรักแน่ ๆ ของนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ดังนั้นบางคนก็ว่าสิ่งนั้นไม่ดี ไม่งาม ไม่น่ารัก แต่อีกคนหนึ่งรักก็เนื่องจากว่า สิ่งนั้นเป็นที่ถูกใจของเขา เหตุนี้เองคนรูปชั่วตัวดำ ซึ่งพูดกันธรรมดา ๆ แล้ว ย่อมไม่ดีไม่งาม แต่ก็ยังเป็นที่รักของคนบางคนอยู่จนได้ ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง คือ เพราะถูกใจ เช่นกับว่า ถึงแม้จะดำก็ดำขำ ถึงปากจะแหว่งก็แหว่งอย่างมีเสน่ห์ เป็นต้น 
              ฉะนั้น ดี งาม ถูกใจ จึงนับได้ว่าเป็นต้นตอของความรักโดยแท้ ท่านลองสำรวจสิ่งที่ท่านรักเดี๋ยวนี้บ้างก็ได้ว่า ที่ท่านรักสิ่งนั้นเพราะอะไร ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่หนีจากรัก เพราะว่าดี  รักเพราะว่างาม และสุดท้าย รักเพราะถูกใจ เป็นแน่ 
                  ความรักเป็นความผูกพันทางอารมณ์ (Emotional Attachment) ที่แสดงใน 3 ด้าน คือ ด้านความรู้สึก ความคิด และการกระทำ
                    ความรู้สึก: รู้สึกรัก ชอบ รู้สึกเป็นสุขที่ได้อยู่ใกล้ ทำให้ใจเต้น มองเห็นโลกเป็นสีชมพู... 
                    ความคิด: การมองผู้ที่ตนรักในแง่ดี มองเห็นคุณค่าและความหมายของเขา อยากทำสิ่งที่ดีให้ และอยากให้เขาพบแต่ความสุข 
                   การกระทำ : การปฏิบัติต่อกันอย่างอ่อนโยน การดูแลเอาใจใส่ การสัมผัส กอดจูบ และมีเพศสัมพันธ์

               ปัญหาที่พบบ่อย คือ คนจำนวนมากไม่ได้มองความรักในภาพรวม แต่มองเพียงด้านเดียว (ผู้ชายบางคน ก็อาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ว่าพอลืมวันเกิดแฟนแค่ครั้งเดียว ก็เกิดอาการงอน น้อยใจ หรือร้องห่มร้องไห้ปานโลกจะถล่มทลายว่าเขาไม่รักแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความรักก็ยังมีเท่าเดิม ยังพาไปกินข้าว ดูหนัง รับส่งเหมือนเดิมเพียงแต่ลืมวันเกิดเพราะทำงานหนักไปหน่อยเท่านั้นเอง) ความรักจะต้องแสดงออกมาทางกระทำด้วย หากสามีพูดว่า ตนรักภรรยามาก แต่ไม่เคยแสดงน้ำใจหรือช่วยเหลืองานบ้านเลย (กลับมาถึงก็นอนอืดดดด ...ถุงเท้าไปทาง รองเท้าไปทาง เสื้อกาวน์อีกทาง ตะโกนให้คุณภรรยาสุดที่รักมาเสิร์ฟน้ำต่อด้วยนี่ ต่อให้คุณพี่รักหนูแค่ไหน หนูก็คงไม่เชื่อแน่ ๆ) ความรักที่ไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลย ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยพูดหวาน ไม่เคยเลี้ยงข้าว (มาถึงก็ให้เราจ่ายเองตลอด) ไม่เคยให้อะไรดี ๆ ในวันวาเลนไทน์ ไม่เคยมอบดอกไม้หรือของขวัญให้....ก็อาจทำให้คู่ของเราไม่มั่นคงได้....และในที่สุดก็ต้องผิดหวัง 
               อย่างไรก็ตาม มนุษย์บางประเภทอาจมีข้อจำกัดในการแสดงออกซึ่งความรัก เช่น ถูกเลี้ยงดูมาว่า ไม่ให้บอกรักผู้ชายก่อน...มันไม่ดีอย่าถูกเนื้อต้องตัวกันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน....มันไม่งาม ในกรณีนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเข้าใจในข้อจำกัดนั้น


องค์ประกอบของความรัก 

              มีผู้อธิบายองค์ประกอบของความรักไว้หลายอย่าง Sternberg (1986) กล่าวว่า ความรักมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ความใกล้ชิดผูกพัน (Intimacy) การอุทิศตัวต่อกัน (Commitment) และอารมณ์รัก (Passion) องค์ประกอบดังกล่าวเปรียบเสมือนมุมทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า อันเป็นตัวกำหนดรูปแบบของความรัก 7 ชนิด ได้แก่
                   1. เฉย (nonlove) เป็นความรู้สึกของคนทั่วไปในสังคมที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
                   2. ชอบ (Liking) หมายถึง ความรู้สึกใกล้ชิดผูกพัน ต่ออีกบุคคลหนึ่ง แต่ปราศจากความหลงใหล หรือข้อผูกมัด
                   3. รักแรกพบ (Infatuated Love) เกี่ยวข้องกับความรู้สึกหลงใหล แต่ปราศจากความผูกพันหรือข้อผูกมัด
                   4. หมดรัก (Empty Love) เกิดจากการตัดสินใจผูกมัดที่ปราศจากความผูกพัน และความหลงใหล พบได้ในคู่รักที่คบกันมาสักระยะจนความรู้สึกถูกใจในรูปร่างหน้าตาเริ่มหมดไป
                   5. รักโรแมนติก (Romantic Love) ประกอบด้วยความหลงใหล ผูกพัน โดยปราศจากข้อผูกมัด
                   6. Fatuous Love เป็นความรักที่มีข้อผูกมัด และความรู้สึกหลงใหล แต่ปราศจากความผูกพัน
                   7. Consummate Love เป็นความรักที่มีองค์ประกอบครบทั้งสามด้าน คือทั้งความหลงใหล ข้อผูกมัด

และความใกล้ชิดผูกพัน โดยสรุปแล้วองค์ประกอบของความรัก ที่สำคัญ มีดังนี้
        1. การอุทิศตนต่อกัน
        2. ความผูกพัน
        3. ความสนิทสนมอย่างลึกซึ้ง
        4. การมองเห็นคุณค่าและส่วนที่ดีของอีกฝ่ายหนึ่ง
        5. ความอดทน
        6. การให้อภัย
        7. อารมณ์รัก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น